สัมฤทธิ์ทัวร์
เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก
Home
โปรแกรมทัวร์
วิธีการชำระเงิน
ติดต่อเรา
เว็บบอร์ด
งานเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง
(เขาคิชฌกูฏ)
จะเริ่มในวัน ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ถึง แรม 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกๆปี
ในปี 2554 ได้กำหนดจัดงานเทศกาลขึ้นระหว่าง
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ถึง วันที่ 4 เมษายน 2554 และกำหนดจัดพิธี
"ปิดป่า" เปิดงานเทศกาล ในวันพุธ ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 08.00 น. ณ.เชิง
เขาคิชฌกูฏ (บริเวณสันเขื่อนพลวง) อำเภอเขาคิชฌกูฏ
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2554
-
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2554
สัมฤทธิ์ทัวร์
ประวัติโดย
พระครูธรรมสรคุณ ผู้ร่างประวัติเขาคิชฌกูฎ (พลวง)
การพบรอยพระพุทธบาทจันทบุรี ออกจะเป็นบุญญาภินิหารของชาวจังหวัดจันทบุรีมิใช่น้อย นับว่าเป็นโชคของพุทธศาสนิกชน และเป็นมิ่งขวัญของชาวจังหวัดจันทบุรี และพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศไทย
เมื่อ พ.ศ. 2397 โดยมีนายติ่งพร้อมด้วยพวกหลายคนด้วยกัน ได้พากันเดินทางขึ้นไปบนเขา เพื่อหากฤษณากะลำพักมาขายทำที่พักไว้บนเขาหลายวัน ตอนกลางวันต่างคนต่างก็ออกไปแสวงหาโชคลาภ วันหนึ่งพากันกลับที่พักไม่ถูก ต่างพากันขึ้นไปพักเหนื่อย เพื่อนคนหนึ่งของนายติ่งได้ถอนหญ้าเพื่อจะนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่ เท้าได้ เมื่อช่วยกันตรวจดูก็ปรากฏว่าเป็นแหวนทำด้วยนาค เมื่อพบโชคลาภเช่นนี้ก็ช่วยกันถอนหญ้าเพื่อแสวงหาโชคกันใหญ่ ตอนนี้ไม่พบอะไร นอกจากหินแผ่นหนึ่งมีพื้นที่เป็นรูปก้นหอย หลังจากนั้นก็กลับบ้านได้อย่างสะดวกง่ายดาย ต่อมานายติ่ง นายนำ นายปลิ่มได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อบวชลูกชายเรียบร้อยแล้ว จึงกลับบ้านไม่ทัน จึงค้างคืนที่วัดนั้น รุ่งขึ้นก็เป็นงานเทศกาลปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งจึงซื้อทองไปปิดรอยพระพุทธบาทจำลองนั้น เมื่อปิดแล้วจึงพูดขึ้นว่า พระพุทธบาทที่เขาเช่นนี้ทางบ้านผมก็มีเหมือนกัน พระได้ยินเช่นนั้นก็จึงเรียนให้เจ้าอาวาสวัดทราบ สมัยนั้น หลวงพ่อเพชรเป็นเจ้าอาวาสวัดพลับ จึงเรียกนายติ่งเข้าไปไต่ถาม นายติ่งจึงเล่าความว่าเป็นความจริงเจ้าคณะจังหวัด จึงให้พระไปพิสูจน์ดู นายติ่งเป็นผู้นำทางเมื่อไปพบเข้าก็เป็นความจริงดังที่นายติ่งบอก จึงได้นำแหวนจากนายติ่งไปถวายเจ้าคณะจังหวัด ต่อมาเจ้าคณะจังหวัดได้ไปดูด้วยตนเองไปดูก็เป็นความจริง จึงได้ตรวจดูตามบริเวณนั้นทั่วไป ก็พบสิ่งแปลกประหลาดและสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง ดังนี้
พบรอยพระพุทธบาท นั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้เป็นร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว่าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก หินก้อนนี้เรียกกันว่า
"หินลูกพระบาท"
ตั้งขึ้นมามองแล้วน่าแปลกใจและมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ไม่น่าตั้งอยู่ได้เลย มองดูแล้วคล้าย ๆ ลอยอยู่เฉย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นคนก่อน ๆ เล่ากันต่อมาว่า เขาเคยเอาด้าย สายสิญจน์คล้องแล้วหลุดมาได้ พิสูจน์ดูแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ ดูโปร่ง ๆ คล้าย ๆ ไม่ติดอะไรเลยและยังมีหินอีกลูกหนึ่งใหญ่มากเหมือนกัน อยู่ตรงกันข้ามกับลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้นในก้อนหินนั้นตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่อันนี้เรียกว่า
"รอยเท้าพญามาร"
เพียง แหงนหน้าขึ้นไปมองจะเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 15 วา ก็มีหินลูกข้างบนเป็นลานจะมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน นี่ก็น่าแปลกมาก ยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็น ถ้ำเต่า บนหลังถ้ำจะมองเห็นเป็นรูปเต่า ลักษณะคล้าย ๆ เต่าปลวก ต่อจากนั้นก็หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาท ก็จะพบกับถ้ำช้าง ถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง ๆ เลยจากช้างไปสูงสุดนั้น เราเรียกว่าห้างฝรั่ง ที่เรียกว่าห้างฝรั่ง ก็เพราะฝรั่งไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกันกว่า ถ้ำสำเภา เพราะมีก้อนหินก้อนหนึ่ง ข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา จึงเรียกว่าถ้ำสำเภา ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี
Advertising Zone
Close
Copyright @ 2009 All right reserved by samrittour
Online:
1
Visits: 19,625
Today: 5
PageView/Month: 55
ด้วยความปราถนาดีจาก
"สยามทูเว็บดอทคอม"
และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ
อ่านเพิ่มเติม ...