สัมฤทธิ์ทัวร์
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

                                                                                                                      

 งานเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง (เขาคิชฌกูฏ)

 

จะเริ่มในวัน ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ถึง แรม 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกๆปี     ในปี 2554 ได้กำหนดจัดงานเทศกาลขึ้นระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ถึง วันที่ 4 เมษายน 2554 และกำหนดจัดพิธี  "ปิดป่า" เปิดงานเทศกาล ในวันพุธ ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 08.00 น. ณ.เชิง เขาคิชฌกูฏ (บริเวณสันเขื่อนพลวง) อำเภอเขาคิชฌกูฏ


 วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2554 - วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2554


   สัมฤทธิ์ทัวร์

         

                                      

(picture) 2010116_53276.jpg           (picture) 2010116_53291.jpg

 

(picture) 2010116_53255.jpg

 

(picture) 2010116_52774.jpg

             

                         

                   ประวัติโดย

 

พระครูธรรมสรคุณ ผู้ร่างประวัติเขาคิชฌกูฎ (พลวง)   

 

         การพบรอยพระพุทธบาทจันทบุรี ออกจะเป็นบุญญาภินิหารของชาวจังหวัดจันทบุรีมิใช่น้อย  นับว่าเป็นโชคของพุทธศาสนิกชน และเป็นมิ่งขวัญของชาวจังหวัดจันทบุรี และพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศไทย
         เมื่อ พ.ศ. 2397 โดยมีนายติ่งพร้อมด้วยพวกหลายคนด้วยกัน ได้พากันเดินทางขึ้นไปบนเขา เพื่อหากฤษณากะลำพักมาขายทำที่พักไว้บนเขาหลายวัน ตอนกลางวันต่างคนต่างก็ออกไปแสวงหาโชคลาภ วันหนึ่งพากันกลับที่พักไม่ถูก ต่างพากันขึ้นไปพักเหนื่อย เพื่อนคนหนึ่งของนายติ่งได้ถอนหญ้าเพื่อจะนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่ เท้าได้ เมื่อช่วยกันตรวจดูก็ปรากฏว่าเป็นแหวนทำด้วยนาค เมื่อพบโชคลาภเช่นนี้ก็ช่วยกันถอนหญ้าเพื่อแสวงหาโชคกันใหญ่ ตอนนี้ไม่พบอะไร นอกจากหินแผ่นหนึ่งมีพื้นที่เป็นรูปก้นหอย หลังจากนั้นก็กลับบ้านได้อย่างสะดวกง่ายดาย ต่อมานายติ่ง นายนำ นายปลิ่มได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อบวชลูกชายเรียบร้อยแล้ว จึงกลับบ้านไม่ทัน จึงค้างคืนที่วัดนั้น รุ่งขึ้นก็เป็นงานเทศกาลปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งจึงซื้อทองไปปิดรอยพระพุทธบาทจำลองนั้น เมื่อปิดแล้วจึงพูดขึ้นว่า พระพุทธบาทที่เขาเช่นนี้ทางบ้านผมก็มีเหมือนกัน พระได้ยินเช่นนั้นก็จึงเรียนให้เจ้าอาวาสวัดทราบ สมัยนั้น หลวงพ่อเพชรเป็นเจ้าอาวาสวัดพลับ จึงเรียกนายติ่งเข้าไปไต่ถาม นายติ่งจึงเล่าความว่าเป็นความจริงเจ้าคณะจังหวัด จึงให้พระไปพิสูจน์ดู นายติ่งเป็นผู้นำทางเมื่อไปพบเข้าก็เป็นความจริงดังที่นายติ่งบอก จึงได้นำแหวนจากนายติ่งไปถวายเจ้าคณะจังหวัด ต่อมาเจ้าคณะจังหวัดได้ไปดูด้วยตนเองไปดูก็เป็นความจริง จึงได้ตรวจดูตามบริเวณนั้นทั่วไป ก็พบสิ่งแปลกประหลาดและสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง ดังนี้
           พบรอยพระพุทธบาท นั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้เป็นร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว่าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก หินก้อนนี้เรียกกันว่า
"หินลูกพระบาท" ตั้งขึ้นมามองแล้วน่าแปลกใจและมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ไม่น่าตั้งอยู่ได้เลย มองดูแล้วคล้าย ๆ ลอยอยู่เฉย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นคนก่อน ๆ เล่ากันต่อมาว่า เขาเคยเอาด้าย    สายสิญจน์คล้องแล้วหลุดมาได้ พิสูจน์ดูแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ ดูโปร่ง ๆ คล้าย ๆ ไม่ติดอะไรเลยและยังมีหินอีกลูกหนึ่งใหญ่มากเหมือนกัน อยู่ตรงกันข้ามกับลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้นในก้อนหินนั้นตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่อันนี้เรียกว่า "รอยเท้าพญามาร" เพียง แหงนหน้าขึ้นไปมองจะเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 15 วา ก็มีหินลูกข้างบนเป็นลานจะมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน นี่ก็น่าแปลกมาก ยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็น ถ้ำเต่า บนหลังถ้ำจะมองเห็นเป็นรูปเต่า ลักษณะคล้าย ๆ เต่าปลวก ต่อจากนั้นก็หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาท ก็จะพบกับถ้ำช้าง ถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง ๆ  เลยจากช้างไปสูงสุดนั้น เราเรียกว่าห้างฝรั่ง ที่เรียกว่าห้างฝรั่ง ก็เพราะฝรั่งไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกันกว่า ถ้ำสำเภา เพราะมีก้อนหินก้อนหนึ่ง ข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา จึงเรียกว่าถ้ำสำเภา ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี

 
 
 

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 19,625 Today: 5 PageView/Month: 55

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...